Welcome

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คำพูดในโอกาสต่างๆ


การพูดในโอกาสต่างๆ
ขอนำตัวอย่าง บางตอนในการใช้คำพูดที่เหมาะสมกับ ในบางโอกาส มานำเสนอ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของผู้ที่ได้รับเชิญ ขึ้นพูดในพิธีการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
คำกล่าวอวยพรวันเกิด
สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นกระผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน วันคล้ายวันเกิดของเพื่อนกระผม เพื่อนของกระผมคนนี้ชอบพอและสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ๆ แล้วครับ ท่านเป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีและมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมากคนหนึ่ง ใจคอกว้างขวาง โอบเอื้ออารีย์ เป็นที่ยอมรับของเพื่อน ๆ และคนที่รู้จักมักคุ้นโดยทั่วไป เมื่อมีการจัดงานคล้ายวันเกิดของเพื่อนคนนี้ในแต่ละครั้ง ถ้าไม่ติดธุระจำเป็นจริง ๆ แล้วกระผมจะมาร่วมงานด้วยทุกครั้งเช่นกัน
เพื่อนคนนี้ นอกเหนือจากเป็นคนดี มีอัธยาศัยไมตรีที่ดี เป็นที่น่านับถือของเพื่อน ๆ และคนอื่น ๆ แล้ว ยังเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่บุตรหลานของท่านอีกด้วย
ในโอกาสนี้ กระผมขออวยพรให้เพื่อนรักของกระผมคนนี้ จงมีอายุมั่นขวัญยืน มีความสุขความเจริญ อีกทั้งเจริญก้าวหน้า ทั้งในหน้าที่ราชการและงานส่วนตัวยิ่ง ๆ ขึ้นไป





คำกล่าวในงานมงคลสมรส
เรียนท่านประธาน และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน กระผมรู้สึกเป็นเกียรติและปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเชิญให้มาเป็นประธานในงานมงคลสมรสในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระผมมีความสนิทสนมกับเจ้าบ่าว ท่านนี้เป็นกรณีพิเศษ ท่านเป็นคนดี มีน้ำใจ คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อน ๆ เวลามีปัญหาเรื่องงาน จนช่วยเหลือตนเองไม่ได้ก็ได้เพื่อนคนนี้คอยให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือเสมอมา ยังระลึกถึงความดีไม่มีวันลืม
ชีวิตในการครองคู่นั้นถือกันว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ นอกจากนั้น ยังต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ ต้องมีความจริงใจซื่อตรงต่อกัน,เห็นอกเห็นใจมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ปรับนิสัยใจคอเข้าหากัน ไม่ควรใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะเป็นต้นเหตุให้ นาวาชีวิตต้องอับปางลง สุดท้ายนี้กระผมขออวยพรให้คู่บ่าวสาว จงครองรักกันด้วยความหวานชื่นราบรื่นและมีความสุขสมบูรณ์ตลอดไป ขอบคุณครับ






คำกล่าวในงานขึ้นบ้านใหม่
สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกิยรติทุกท่าน กระผมมีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่ท่านเจ้าของบ้านได้ให้เกียรติให้กระผมขึ้นมากล่าว ในงานขึ้นบ้านใหม่วันนี้ ทุกท่านในที่นี้ คงจะเห็นตรงกันกับกระผมว่าบ้านหลังนี้เพียบพร้อมไปด้วยความสวยงาม น่าอยู่ มีความร่มรื่น สะดวกสบาย
สำหรับตัวท่านเจ้าของบ้านนั้น คงจะเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ท่านเป็นผู้ที่มีใจโอบอ้อมอารี มีความมานะอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ในหน้าที่การงานจนสามารถสร้างตนเป็นปึกแผ่น ปลูกสร้างบ้านอันสวยงามหลังนี้ขึ้นมาได้
และในวาระอันเป็นมงคลนี้ กระผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเจ้าของบ้านเคารพนับถือ โปรดช่วยดลบันดาลปกปักรักษา ให้ท่านเจ้าของบ้านและครอบครัวประสบแต่ความสุขความเจริญ มีอายุมั่นขวัญยืน ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง พบความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไป…..ขอบคุณครับ





คำกล่าวในงานเลี้ยงส่ง
เพื่อนข้าราชการและท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ในวันนี้ กระผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติเป็นตัวแทนในการกล่าวอาลัยที่(ตัวอย่าง)
จ.อ.สาธิต จรุงพัฒนานนท์ จะต้องไปรับราชการในหน่วยงานใหม่อันเป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้น กระผม กับ จ.อ.สาธิต จรุงพัฒนานนท์ มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในด้านการงาน ในหน้าที่ จ.อ.สาธิต จรุงพัฒนานนท์ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถสูงและปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความขยันหมั่นเพียรมาโดยตลอด
ในการย้ายในครั้งนี้ คงนำความรู้ความสามารถของท่านไปพัฒนาหน่วยงานใหม่และในโอกาสข้างหน้า กระผมหวังว่าคงมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก
สุดท้ายนี้ กระผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์ทั้งหลาย อีกทั้ง ดวงพระวิญญาณของ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จงดลบันดาลให้ จ.อ.สาธิต จรุงพัฒนานนท์ และครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ทั้งในหน้าที่ราชการและส่วนตัวยิ่ง ๆ ขึ้นไป




การกล่าวไว้อาลัยผู้ตาย
เรียน ท่านประธาน และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาในงานพระราชทานเพลิงศพ ของ คุณมงคล สร้อยทอง การจากไปของผู้ล่วงลับนำความเศร้าสลดมาสู่พวกเราทุกคนเป็นอย่างมาก และนับว่าได้สูญเสียบุคคลสำคัญของชาติไปท่านหนึ่งทีเดียว เพราะผู้ล่วงลับได้สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมเป็นอย่างมาก กระผมขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวของผู้ล่วงลับ คือ คุณมงคล สร้อยทอง เป็นอย่างยิ่ง กระผมขอใคร่ให้ทุกคนเอาแบบอย่างอันดีของ คุณมงคล สร้อยทอง ไปปฏิบัติ เพื่อแทนการระลึกและอาลัยแก่ผู้ล่วงลับสืบไป และขอให้ท่านทั้งหลายร่วมจิตอธิฐานให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุคติ
สุดท้ายนี้ ขอเชิญท่านทั้งหลายลุกขึ้นยืนเพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้จากไปเป็นเวลา ๑ นาที...............เชิญนั่งครับ







http://www.kroobannok.com

การรักษาศีล 5


การรักษาศีล 5

1.ข้าพเจ้าขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะไม่ละเมิด จะไม่คุกคามต่อชีวิตของผู้อื่น สัตว์อื่น ด้วยตัวเอง และไม่ใช้ให้ใครละเมิด ทั้งนี้ด้วยความตระหนักรู้เป็นอย่างดีว่า ทั้งตัวเราเอง และผู้อื่น สัตว์อื่น ต่างก็รักตัวกลัวตาย รักสุข เกลียดทุกข์เช่นเดียวกัน เรารักตัวเองฉันใด คนอื่น สัตว์อื่น ก็รักตัวเองฉันนั้นเหมือนกัน เพื่อให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นชีวิตที่ไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ข้าพเจ้าขอสมาทานปฏิบัติตามแนวทางแห่งพระพุทธองค์ที่ว่า “เมื่อเธอทอดตามองไปยังจาตุรทิศแล้ว ย่อมไม่พบใครที่จะเป็นที่รักยิ่งไปกว่าตนเองฉันใด ตนของผู้อื่นก็ย่อมเป็นที่รักของเขาฉันนั้นเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ควรเบียดเบียนตนและไม่ควรเบียดเบียนคนอื่น หรือไม่ควรฆ่าใคร และไม่ควรใช้ใครให้ไปฆ่า”





2.ข้าพเจ้าขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะไม่ละเมิดต่อทรัพย์สิน และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น ด้วยตัวเอง และไม่ใช้ให้ใครละเมิด ทั้งนี้ด้วยความตระหนักรู้เป็นอย่างดีว่า ทรัพย์สินของใคร ใครก็รัก ของของใครใครก็หวง เรารักและหวงแหนในทรัพย์สินของเราฉันใด คนอื่น สัตว์อื่น ก็รักและหวงแหนในทรัพย์สินของเขาฉันนั้น เมื่อทรัพย์สินของเราถูกขโมยหรือพลัดพรากจากเราไป เราย่อมทุกข์ฉันใด คนอื่น สัตว์อื่นก็ย่อมทุกข์ฉันนั้นเหมือนกัน











3.ข้าพเจ้าขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะไม่ละเมิดต่อจริยธรรมทางเพศของคู่ควง คู่รัก คู่ครอง และของเพศตรงข้าม ทั้งนี้ด้วยความตระหนักรู้เป็นอย่างดีว่า การละเมิดต่อจริยธรรมทางเพศของคู่ควง คู่รัก คู่ครองโดยปราศจากสติและความรับผิดชอบ นำมาซึ่งความทุกข์อย่างใหญ่หลวงทั้งต่อตัวผู้ถูกละเมิดและต่อครอบครัวของเขาหรือของเธอ ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตั้งใจว่า หากข้าพเจ้าไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตของผู้ใดแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับคนคนนั้นเป็นอันขาด เพราะความสัมพันธ์ที่ปราศจากความรัก ปราศจากสติ และปราศจากความรับผิดชอบนั้น คือ ต้นธารแห่งปัญหาชีวิตที่หนักหนาสาหัสอันไม่รู้จบสิ้น









4.ข้าพเจ้าขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะไม่กล่าววาจาที่ปราศจากสติอันเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น แก่สังคม แก่ประเทศ และแก่มวลมนุษยชาติ และทุกครั้งที่พูด ข้าพเจ้าจะพยายามหลีกเลี่ยงการกล่าวคำพูดที่เป็นคำโกหก คำหยาบคาย คำเพ้อเจ้อ คำส่อเสียด คำยุให้แตกความสามัคคี แต่จะพยายามพูดถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากการเจริญสติอย่างดีที่สุด โดยเลือกพูดแต่ถ้อยคำที่เป็นความจริง เป็นประโยชน์ เป็นสิ่งที่มีหลักฐาน เป็นถ้อยคำประสานสามัคคี และเป็นถ้อยคำที่สอดคล้องกับกาลเทศะ ประการสำคัญที่สุด ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาจะต้องประกอบด้วยจิตเปี่ยมเมตตาเสมอ ทั้งนี้เพราะตระหนักรู้เป็นอย่างดีว่า การเปล่งวาจาที่ปราศจากสติและขาดความรับผิดชอบนั้น เป็นสาเหตุแห่งความเข้าใจผิด เป็นต้นทางของความหม่นหมองครองทุกข์สำหรับผู้ถูกพาดพิง เป็นที่มาของการทำลายเพื่อนมนุษย์ให้แตกความสามัคคี ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ปลูกฝังทัศนคติในแง่ลบ และอาจลุกลามเป็นสงครามระหว่างมนุษยชาติได้ทุกเมื่อ










5.ข้าพเจ้าขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะไม่ดื่มสุรา และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และ/หรือสิ่งเสพติดทุกชนิดที่เมื่อดื่มแล้วจะทำให้ประมาทขาดสติอันเป็นการสูญเสียปกติภาพแห่งความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้เพราะตระหนักเป็นอย่างดีว่า การดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่ประทุษร้ายต่อสติสัมปชัญญะใดๆ และการเสพสิ่งเสพติดทุกชนิดนั้น เป็นประตูแห่งความเสื่อมสุขภาพ เสื่อมสติสัมปชัญญะ เสื่อมทรัพย์ เสื่อมเกียรติภูมิชื่อเสียง เสี่ยงต่อการทะเลาะวิวาทวุ่นวายอันเป็นอันตรายทั้งต่อชีวิตและต่อครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง หรือในบางกรณีอาจเป็นอันตรายลุกลามกว้างไกลต่อความสุขและสวัสดิภาพของสังคมโดยรวมอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย



















http://www.posttoday.com

การล้างรถ







การล้างรถที่ถูกวิธี
1. ฉีดน้ำให้แรงที่สุด เพื่อให้คราบฝุ่น ขี้ดิน หลุดออกจากตัวรถให้มากที่สุด
2. ควรล้างด้วยน้ำสะอาดหรือล้างด้วยแชมพู
3. ควรล้างรถจากส่วนบน ลงล่าง โดยการใช้ผ้านุ่ม เช่นผ้าสำลี ซึ่งควรจะนำมาแช่น้ำไว้สัก 3 คืน และถ้าใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มได้ยิ่งดีครับ และการล้างรถนั้น ขอแนะนำให้แบ่งผ้าออกเป็น 2 ผืน (อย่าใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะอาจจะมีเม็ดกรวด ทรายติดอยู่) ผืนแรกใช้สำหรับล้างส่วนบน หลังคา ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง กระจกรถทั้งหมด ผืนที่สอง ใช้สำหรับล้างส่วนด้านล่างของตัวรถ ตั้งแต่ขอบกระจกด้านล่างลงมา ทั้งหมด เหตุผลที่ต้องแยกเนื่องจาก โดยทั่วไปส่วนบนของรถจะมีฝุ่นน้อย ในขณะที่ด้านส่วนล่างของรถมีฝุ่นมาก
4. ฉีดน้ำไล่แชมพูออกให้หมด
5. อย่าล้างรถกลางแดด เพราะแดด จะทำให้น้ำบนรถแห้งเร็ว และเกิดคราบน้ำขึ้น


การล้างรถโดยใช้ถังใส่น้ำล้าง

การล้างรถแบบนี้ ควรจะเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ มิฉะนั้น สิ่งสกปรกที่ผสมอยู่ในน้ำ อาจทำให้เกิดริ้วรอยขีดข่วยบนรถได้ (วิธีการนี้ ไม่แนะนำให้ทำ ?. แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องหมั่นซักผ้าและเปลี่ยนน้ำ)

ข้อควรระวังในการล้างรถ

1. ไม่ควรล้างรถตอนเย็น ด้วยตนเอง เพราะหากล้างแล้วจอดทิ้งไว้อาจทำให้เกิดสนิม ในบางจุดที่เราเช็ดไม่แห้ง หรือไม่สามารถเช็ดแห้งได้ ยกเว้นแต่จะมีเครื่องเป่าน้ำให้แห้งหรือจะขับรถต่อไปเป็นระยะทางไกล ลมจะช่วยให้ทุกซอยทุกมุม แห้งสนิท
2. ไม่ควรล้างรถกลางแดด เนื่องจากแสงแดด จะทำให้น้ำแห้งเร็ว และทำให้เกิดคราบน้ำบนสีรถขึ้น



การเช็ดรถที่ถูกวิธี
1. ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือผ้าชามัวร์ ในการเช็ดรถ เนื่องจากผ้าเหล่านี้ จะไม่ทำให้รถเป็นรอย แต่ถ้าผ้าชามัวร์แท้ ควรจะระวัง เวลาที่ผ้าชามัวร์แห้งสนิท จะแข็งตัว และเมื่อจะทำมาเช็ดรถ ก็ควรจะนำผ้าชามัวร์นั้น จุ่มน้ำให้เปียกจริง ๆ ทั้งผืน ก่อนเช็ดรถ เพราะถ้าไม่เปียกทั้งผืน แสดงว่ายังมีส่วนที่ยังไม่โดนน้ำที่ยังแข็งอยุ่ ซึ่งอาจทำให้สีรถเป็นรอยได้ง่าย
2. การเช็ดรถนั้น ควรเช็ดตั้งแต่แผงบนก่อน เพื่อให้น้ำหยดลงด้านล่างให้หมดก่อน ไล่ลงมาด้านล่างของรถ จะได้ไม่ต้องทำงานสองต่อไงครับ
3. ส่วนของรถดังต่อไปนี้ไม่ควรหลีกเลี่ยง ควรเช็ดให้แห้งที่สุด

3.1 ด้านในขอบประตูทั้งหมด
3.2 ด้านในกระโปรงหลัง
3.3 ด้านในฝาถังน้ำมัน
3.4 กระจกหน้ารถ เพื่อให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ ชัดเจน ไม่มีอะไรมาบดบัง หรือระคายเคืองสายตา
3.5 ล้อแม็กซ์ ควรจะเช็ด ด้วย เพราะถ้าไม่เช็ดจะเป็นคราบน้ำน่าเกลียด และถ้าปล่อยไว้นาน ๆ คราบน้ำเหล่านั้น จะเช็ดออกยาก จนถึงเช็ดไม่ออก













http://www.mu7club.com/


วันนี้คุณกินข้าวเช้าหรือยัง

วันนี้คุณกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง



หมอที่โรงพยาบาลฯอบรมว่าทุกคนต้องกินอาหารเช้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมาก ได้ หลากหลาย เพราะเมื่อร่างกายไม่มีพลังงานจากอาหารเช้าไปใช้ ร่างกายจะดึงสารอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นออกมา (ไม่ใช่ไขมัน ไขมันยังอยู่เหมือนเดิม) ซึ่งภายใต้กระบวนการนี้จะเกิดกรดชนิดหนึ่งออกมาด้วย ซึ่งการที่เรา บอกว่าไม่กินข้าวเช้า ก็ยังทำงานได้เป็นปกติมาตั้งหลายปีแล้ว นั่นคือ ร่างกายได้นำเอากรดที่เกิดขึ้นมาใช้แทนพลังงานทุกวัน เราจึงทำงานโดยใช้กรดแทนพลังงาน และเมื่อร่างกายต้องผลิตกรดออกมาบ่อยๆ พออายุมากขึ้นเราก็จะเป็นโรคตามมาหลายอย่าง นอกจากนี้ เรารู้หรือไม่ว่า โดย ปกติแล้วร่างกายของมนุษย์เราผลิตสารพิษอยู่ภายในร่างกายตลอดเวลา เป็นขยะ เหมือนรถที่เมื่อเติมน้ำมันเข้าไปแล้วก็จะมีควันออกมา ภาษาทางการแพทย์เขาเรียกขยะในร่างกายนี้ว่า สารอนุมูลอิสระ(oxidant) เกิดจากการสันดาปพลังงานของร่างกาย แล้วคายของเสียออกมา(ไม่ใช่อุจจาระนะ คนละแบบ)

นอกจากนี้ร่างกายจะเร่งผลิตสารอนุมูลอิสระอีกก็ต่อเมื่อ เวลาเราเครียดหรือต้อง ทำงานหนัก ใช้สมอง ประกอบกับเจอมลภาวะต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ อุปนิสัยการดื่มสุรา สูบบุหรี่ ก็ยิ่งเป็นตัวสร้างให้เกิดสารพิษนี้มาก การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตอนกลางคืนเป็นหนทางและเวลาสำคัญที่ร่างกายจะ สร้า งสารต่อต้านสารอนุมูลอิสระ(anti-oxidant) ขึ้น เพื่อกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เกิดตอนกลางวัน การนอนให้เพียงพอและหลับสนิทจะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะการกำจัดของเสีย แต่ยังช่วยให้เม็ดเลือดแดงของคนเราแข็งแรง สร้างฮอร์โมนเพศทำให้ร่างกายสมบูรณ์ มีน้ำมีนวล คุณหมอเอาภาพขยายเม็ดเลือดแดงของผู้จัดการชายอายุ 35 คนหนึ่งซึ่งเป็นคนไข้มาให้ดู เปรียบเทียบกัน 2 ภาพ ผู้ชายคนนี้เหมือนมนุษย์งานทั่วไป ทำงานหนักและเครียดขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ปรากฎว่าจำนวนเม็ดเลือดแดงของเขามีลักษณะเป็นก้อนขยุกขยุยไม่เป็นรูปทรงกลม เหมือนกลุ่มเม็ดเลือดแดงที่ควรเป็น เกิดความผิดปกติขึ้นเนื่องจาสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจำนวนมากไปทำลายเซลล์ เม็ดเลือดแดงในร่างกาย ซึ่งก็จะนำมาซึ่งโรคร้ายจำนวนมากอย่างที่คนไทยกำลังนิยมอยู่ จงจำไว้ว่า

1.ทาน อาหารเช้าแบบราชา อาหารกลางวันพอประมาณ และอาหารเย็นแบบยาจก หลีกเลี่ยงไขมันและของหวาน ออกกำลังกายให้ได้วันละอย่างน้อย 30-40 นาที(20นาทีแรกร่างกายเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต อีก 10-20 นาทีต่อมาร่างกายจึงจะค่อยเผาพลาญไขมัน) 2.นอนหลับ หรือ หลับนอนก็แล้วแต่ ให้เพียงพอ 3.รับแสงแดด ช่วง 8.00-9.00 ซึ่งมี UV ที่เป็นประโยชน์ 4.พยายามเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการหัวเราะ ขำขัน ถ้าบ้าได้ก็ดี ชีวีจะเป็นสุข

หมายเหตุ : สรุปบางส่วนจากการฟังสัมมนา ณ ร.พ.บำรุงราษฎร์ โดยน.พ.พันธุ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์

ขอบคุณบทความจาก http://heyhaparty.blogspot.com/2007/10/blog-post_853.html






ประโยชน์ของสมาธิ



ประโยชน์ของสมาธิ พูดได้หลายอย่าง เช่น ประโยชน์ทางด้านอภิญญา ประโยชน์ทางด้านศาสนา ประโยชน์ทางด้านบุคลิกภาพ ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน


1.ประโยชน์ทางด้านอภิญญา เช่น ฝึกสมาธิแล้วได้อภิญญา(ความสามารถพิเศษเหนือสามัญชน) ได้แก่ หูทิพย์ ตาทิพย์ ทายใจคนอื่นได้ แสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ ประโยชน์ด้านนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระศาสนาโดยตรง2.ประโยชน์ที่เป็นจุดหมายทางพุทธศาสนาแบ่งเป็น 3 ระดับ 1)ประโยชน์ระดับต้น ฝึกสมาธิไประยะหนึ่ง จิตจะหายฟุ้งซ่าน จนถึงระดับได้ฌาน สามารถใช้สมาธิที่ได้ระงับ หรือข่มกิเลสได้ชั่วคราว แค่นี้ก็เรียกได้ว่าได้ "วิมุตติ"(หลุดพ้น)ระดับหนึ่งแล้ว เรียกว่า วิกขัมภมวิมุติ (หลุดพ้นด้วยข่มไว้)ตราบใดที่ยังข่มได้อยู่ เจ้ากิเลสมันก็ไม่ฟุ้งดอกครับ อย่าเผลอก็แล้วกันเผลอเมื่อได เดี๋ยว "จะเป็นเรื่อง"เมื่อท่านเจ้าประคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) เทศน์สองธรรมาสน์กับ สมเด็จวัดเทพศิรินทร์ เจ้าคุณอุบาลีฯท่านอธิบายเรื่องกิเลส โลภ โกรธ หลง ยกศัพท์ยกแสงขึ้นมาอธิบายอย่างละเอียด สมเด็จท่านทักขึ้นว่า"แหม ว่าละเอียดเชียวนะ โลภมาจากธาตุนั้นปัจจัยนี้… ไหนลองบอกดูวิว่า ลาว มาจากธาตุอะไร"(ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯท่านเป็นชาวอีสาน ที่คนภาคกลางมักจะเรียกเหยียดๆว่า "ลาว")ท่านเจ้าคูณอุบาลีฯ ตอบว่า ลาว ภาษาบาลีว่า ลาโว แปลว่า "ผู้ตัด" มาจาก ลุ ธาตุ วิเคราะห์ว่า ลุนาตีติ ลาโว = ผู้ใดย่อมตัดผู้นั้นชื่อว่าลาว" "ตัดอะไร" สมเด็จซัก "ตัดหางเปียเจ็ก" เจ้าคุณอุบาลีฯสวนขึ้นทันที(สมเด็จท่านมีเชื้อสายจีนชาวชลบุรีครับ) สมเด็จไม่ทันระวังตัว เพราะมัวไปแขวะคนอื่นเพื่อความมันส์โกรธหน้าแดงเลย นี่แหละครับ กิเลสที่มันสงบอยู่ดุจหญ้าถูกหินทับ พอถูกสะกิดเท่านั้นมันก็ฟุ้งขึ้นมาได้ ยกเรื่องจริงในยุทธจักรดงขมิ้นมาเล่าประดับความรู้ครับ(2)ประโยชน์ระดับสูงสุด ก็คือสมาธิอันเป็นบาทฐานวิปัสนาพิจารณาสภาวธรรมทั้งหลายรู้แจ้งไตรลักษณ์ กำจัดกิเลสได้โดยสิ้นเชิง พูดอีกในหนึ่งก็คือสมาธินำไปสู่ความเป็นพระอรหันต์นั้นแหละครับ


3.ประโยชน์สมาธิในด้านพัฒนาบุคลิกภาพ ผู้ที่ฝึกสมาธิประจำ ย่อมมีบุคลิกภาพที่พึงปรารถนาหลายประการเช่น(1)มีบุคลิกหนักแน่น เข้มแข็ง(2)มีความสงบเยือกเย็น ไม่ฉุนเฉียวเกรี้ยวโกรธ(3)มีความสุภาพ นิ่มนวล ท่าทีมีเมตตากรุณา(4)สดใส สดชื่น เบิกบาน(5)สง่า องอาจ น่าเกรงขาม(6)มีความมั่นคงทางอารมณ์(7)กระฉับกระเฉง ไม่เซื่องซึม


4.ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน คนมักถามว่าฝึกสมาธิแล้วได้ประโยชน์อะไรในชีวิตประจำวัน ฝึกแล้วบรรลุมรรคผลนิพพานน่ะ รู้แล้วว่าพระคัมภีร์พูดไว้จริง แต่ได้จริงหรือเปล่า ยังไม่เคยเห็น ถ้าจะให้ทำเองก็ไม่ทราบว่าเมื่อไรจะเห็นผล เอาในชีวิตประจำวันเห็นๆกันนี้ดีกว่าว่าฝึกแล้วได้อะไรได้มากมายทีเดียวกันเช่น(1) ทำให้ใจสบาย ไม่เครียด มีความสุข ผ่องใส(2) หายหวาดกลัว หายกระวนกระวายโดยไม่จำเป็น(3) นอนหลับง่าย ไม่ฝันร้าย สั่งตัวเองได้(เช่น สั่งให้หลับหรือตื่นตามเวลาที่กำหนดไว้ได้) (4) กระฉับกระเฉง ว่องไว รู้จักเลือกและตัดสินใจเหมาะแก่สถานการณ์(5) มีความแน่วแน่ในจุดหมาย มีความใฝ่สัมฤทธิ์สูง(6) มีสติสัมปชัญญะดี รู้เท่าปรากฏการณ์ และยับยั้งใจได้ดีเยี่ยม

http://www.dhammakid.com/

ปฎิทินของฉัน